ครั้งพุทธกาลมีมหาเศรษฐีที่มีเงินมีทอง มีทรัพย์สมบัตินับร้อยๆโกฏิ อยู่หลายท่าน แต่มีอยู่ ๙ ท่าน ที่ปราวนาตัวเป็นโยมอุปฐากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน... เสียสละทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล ส่งเสริมพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะสละเงินทำบุญมากมายเท่าใด เงินทองก็ไหลมาเทมาตอบแทนอย่างทันตาเห็น เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานและท่านอัครมหาเศรษฐีสิ้นบุญ ปราชญ์โบราณนึกถึงพระคุณของท่านเหล่านี้จึงได้ประชุมเห็นพ้องกัน... จัดสร้างรูปที่ระลึกของพวกท่านไว้
ครั้งใดที่เจริญพระพุทธมนต์ กราบไหว้บูชาพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ก็ขอให้นึกถึงอัครมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่านนี้ด้วย เพื่อที่จะมิให้หลงลืม จึงพิจารณาสร้างพระพุทธรูปให้มี ๙ พระพักตรอยู่ในองค์เดียวกัน แต่ละพระพักตร ก็คือพระพักตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงแต่ เพื่อให้รำลึกถึง มหาอุบาสก,อุบาสิกา ทั้ง ๙ ท่าน จึงสร้างพระพักตรให้มี ๙ หน้าเรียก พระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
สมัยท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคณูปรมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิจากไม้มงคลต่างๆ ๙ ชนิด พร้อมกับรจนาคำสวดบูชาไว้ด้วยเรียกว่าพระคาถามหาเศรษฐีนวโกฏิ
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๑ ปีนี้ทางจันทรคติ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ซึ่งเป็นวันกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ที่ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าสร้างไว้ ถ้าท่านจะทำพิธีบวงสรวงบูชาก็จะทำให้ชีวิตครอบครัวและบริวารอยู่เย็นเป็นสุขเจริญก้าวหน้า ค้าขายดีขึ้น เงินทองไหลมาเทมาดังหยาดฝน ลงมาให้บ้านเรือนของท่าน ควรจะเริ่มที่บวงสรวงโดยจัดของตามตำราดั่งเดิม อย่างน้อยดังนี้
๑. ดอกไม้ขาว ๙ กระทง (อาทิ ดอกมะลิ)
๒. ข้าวตอก ๙ กระทง
๓. อาหารคาว ๙ อย่าง
๔. อาหารหวาน ๙ อย่าง
๕. ธูป ๙ ดอกจุดบูชา
๖. เทียนขาว ๙ เล่มจุดบูชา
๗. นิมนต์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิลงสรงน้ำ
๘. แล้วสวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ
๙. อธิษฐานขอให้เป็นน้ำพุทธมนต์ อาบกิน ปะพรมบ้านเรือน, ร้านค้า, และบริวารทั้ง ๙ ครั้ง ... จะอยู่เย็นเป็นสุขทั้งปีแล